เนื้อความ
:
ผมไม่ได้ใช้อินเตอรเนต มาเป็นอาทิตย์
เพราะต้องเอาเวลาไปเยี่ยมภรรยาที่โรงพยาบาล และ
ณ.วันนี้ภรรยาผมก็ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เอาละผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดนะครับ
เมื่อประมาณ 2 เดือนมาแล้ว เนื่องจากภรรยามีประจำเดือนมากกว่าผิดปกติ
ติดต่อมาเป็นเวลา 2-3 เดือนมาแล้ว
ซึ่งเหตุการณ์มีประจำเดือนมากกว่าปกติ
ก็ได้เกิดขึ้นกับภรรยามาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อสองปีที่แล้ว
และได้ไปทำการรักษาที่โรงพยาบาล หมอแนะนำให้ทำการขูดมดลูก
แต่ไม่มีการเอาเนื้อเยื่อไปทำการตรวจสอบ
หลังจากทำการขูดมดลูกแล้วประจำเดือนของภรรยาก็มาตามปกติ
แต่ครั้งหลังนี้มีอาการหนักกว่าเมื่อสองปีที่แล้ว
จึงทำการขูดมดลูกและเอาเนื้อเยื่อไปตรวจ ผลจากการตรวจเนื้อเยื่อ
ปรากฏว่าเป็นมะเร็งในมดลูก
และในช่วงนั้นสุขภาพร่างกายของภรรยาก็ไม่ค่อยดี จึงสรุปว่า
อาจเป็นมะเร็งในระยะที่ 1 แต่ขั้นรุนแรง
และต้องรีบผ่าตัดมดลูกทิ้งโดยเร็ว ภรรยาเมื่อทราบว่า
เป็นมะเร็งในมดลูกก็ไม่ได้ตกใจมากมาย
เพราะพี่สาวของภรรยาก็ได้เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวและได้เสียชีวิตไปแล้ว
แต่พี่สาวของภรรยาไม่เคยฝึกและศึกษากรรมฐานเลย
เมื่อภรรยาทราบว่าเป็นมะเร็ง ภรรยาก็เริ่มตั้งสติ
และปฏิบัติกรรมฐานมากขึ้น แต่ความกลัวตายนั้นย่อมมีอยู่
จึงใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนา เพื่อ รักษาใจหนึ่ง
และรักษากายหนึ่ง คนที่เคยฝึกกรรมฐานอย่างมากมายมาแล้ว
เมื่อกลับมาปฏิบัติอย่างมากภายหลังก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย
และภรรยาก็ได้ทำการติดต่อกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์
ก็คือเหล่าเทพเทวดาต่างๆ หลายๆ ท่าน (ตลอดเวลาเกือบ 20 ปี
สัมภเวสี เปรต เทพ เทวดา พรหม ที่ติดต่อนั้นมีมากมายเสียเหลือเกิน
ทั้งที่แสดงตนมาสัมผัส กับที่ไม่แสดงตนมาสัมผัสรับส่วนบุญส่วนกุศล
หรือมาฟังการสนทนาธรรม มากกว่า แสนๆ ท่าน แต่ก็ไม่สนใจนาม
ความเป็นมาเป็นไปของท่านเหล่านั้นเลย) ที่ติดต่อก็ยืนยันว่า
ถึงไม่ผ่าตัดมดลูกออกก็ไม่เป็นอะไร
เพราะเนื้อร้ายนั้นจะหายไปด้วยกำลังสติสมาธิและการวางใจ
ที่ปฏิบัติมากขึ้น และสามารถควบคุมได้
เมื่อเวลาผ่านมาใกล้การผ่าตัด ภรรยาก็เกิดการกลัวตายขึ้นมาอีก
ก็ทำการติดต่อกับเทพเทวดาที่สนิทอีก ท่านเหล่านั้นยืนยันว่า
ถึงจะผ่าตัดมดลูกหรือไม่ผ่ามดลูก ก็ไม่เป็นอะไร
เพราะควบคุมได้ด้วยสติและสมาธิ
เพราะความกลัวตายนั้นภรรยาก็ทำการติดต่อกับหลายท่านทุกๆ
ก็ยืนยันคล้ายกัน และท่านสุดท้ายเป็นท่านที่ยิ่งใหญ่
เพราะท่านมาเพื่อการสนทนาธรรม เมื่อสนทนาธรรมเสร็จท่านก็ยื่นยันว่า
ถึงอย่างไรๆ
ก็ไม่ตายด้วยการผ่าตัดและโรคมะเร็งในครั้งนี้
ยังมีอายุยืนยาวไปอีกหลายปี
ยังทำประโยชน์ให้กับเหล่าเปรตและเทพเบื้องล่างได้อีกนาน
สิ่งที่เล่า เรื่องการสื่อสัมผัสกับ เปรต เทพเทวดา มันก็เหมือนนิยาย
และเรื่องที่เกินความจริงของมนุษย์มากๆ นะครับ
แต่ก็ได้เกิดขึ้นมาแล้วกับผมและภรรยาเกือบ 20 ปีแล้วครับ
จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดา
และสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ผมและครอบครัวได้สมบัติหรือผลประโยชน์ในโลกมนุษย์นี้เลย
ทรัพย์สมบัติและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์มีได้
เพราะการแสวงหาความรู้ศึกษาทางโลก การขยันมั่นเพียร การเก็บออม
และอดทน แทบทั้งสิ้น ดังนั้นท่านทั้งหลายที่เชื่อว่าเทพเทวดามีจริง
และมีกล่าวในพระไตรปิฎกก็หาได้เห็นผิดไปไม่(ตามที่ผมเข้าใจ)
และการเคารพต่อเทพเทวดาหรือพรหมนั้นก็เป็นการดี
แต่จะเห็นผิดเมื่อเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกดลบันดาลจาก
เทพหรือพรหม หรืออ้อมวอนต่อเทพหรือพรหมเพื่อให้ได้ดังสิ่งที่ปรารถนา
โดยไม่สร้างจากกำลังกายและใจตนเอง
อย่างถูกต้องตามขั้นตอน
ผมก็เคยถามเทพผู้ใหญ่(พระอริยะ) หลายท่าน ว่าทำไม่เทพต่างๆ
จึงมาฝังการสนทนาธรรมของผมกับผู้รู้ทั้งหลายที่เป็นเทพหรือพรหมละครับ
แล้วทำไม่ท่านจึงไม่ไปสอนธรรมมะโดยตรงกับเทพเหล่านั้นเลยละครับ
ท่านตอบทำนองว่า กรรม ฐานะ บารมี ของสัตว์ทั้งหลายไม่เหมือนกัน
อาตมาก็จะแนะนำได้เฉพาะในกลุ่มที่มีกรรมร่วมมากับอาตมาเท่านั้น
แต่โยมและภรรยา
ทำให้เหล่าเทพเทวดาต่างภพต่างภูมิทุกชั้นสนใจและฟังการสนทนาธรรม
กันได้ ทั้งหมดโดยสะดวก มาถึงช่วงนี้ผมก็คิดว่า
ผมเป็นพิธีกร หรือดีเจ นี้เอง ที่เสนอแนวคิดของตนเอง
และของผู้รับเชิญมา ในการสนทนากระจ่ายออกไปทั่ว ทางวิทยุและทีวี เออ!
ไม่ใช่สิ ได้หลายภพภูมิ โดยที่ไม่ต้องเห็นตัวผู้ฟังทั้งหลาย
ผมเล่านอกเรื่องมามากแล้วก็เข้าเรื่องต่อนะครับ
เมื่อภรรยาเข้าโรงพยาบาลทำการผ่าตัดมดลูกทิ้ง
ก็ดูเหมือนเรื่องปกติเหมือนกับผู้อื่นที่ทำการผ่าตัดมดลูก
ซึ่งปกติแล้วหลังการผ่าตัด อาการก็จะดีขี้น 4 หรือ 5
วันก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
แต่อาการภรรยาไม่ได้เป็นไปตามปกติ
วันแรกก็ยังคงมีกำลังใจดีอยู่สามารถฟื้นตัวได้เร็ว
แต่ยังทานอาหารไม่ค่อยได้ วันที่ 2 ก็ยังทานอาหารไม่ค่อยได้ วันที่ 3
อาการทรุดลง วันที่ 4 มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ต้องฉีดยาแก้ปวด
กินอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้สึกอยากกิน
และเมื่อฝืนกินก็จุกเสียดท้องและอ๊วกออกมา กำลังใจของภรรยาที่มีอยู่
เริ่มหมดลง เทพที่อยู่ใกล้และสนิทก็บอกว่าช่วยอะไรไม่ได้
ส่วนตัวผมเองก็คิดว่าต้องมีอะไรผิดพลาดตอนผ่าตัดแน่นอน
ทั้งตั้งแต่วันที่ 4 แล้ว วันที่ 6 อาการทรุด หนักขึ้น
ใจผมเริ่มขุ่นเคือง คิดถึงการเปลี่ยนโรงพยาบาล คืนวันที่ 6
อาการภรรยาทรุดอย่างมากปวดท้องอย่างมาก
จนต้องรีบเข้าห้องตรวจอย่างด่วน ภรรยาได้เล่าให้ผมฟังว่า
กลางคืนวันที่ 6 ที่เขาปวดท้องทรมานมาก กำลังสมาธิก็เอาไม่อยู่
จนภรรยาต้องวางสังขารจะตายก็ปล่อยวาง
วางใจให้สงบเมื่อใจสงบก็ไม่ไปยึดที่ความเจ็บปวด
ในจิตในใจก็จะเกิดมโนภาพอกุศลกรรมที่ผู้อื่นทำกับภรรยาและที่ภรรยาทำกับสัตว์ต่างๆ
ภรรยาก็ให้อโหสิกรรมกับผู้ที่ทำกรรมกับภรรยา
และขออโหสิกรรมที่ภรรยาได้ทำกับสัตว์ต่างๆ
จนใจภรรยาสงบนิ่งและโล่งยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อหมอทำการอุนตราชาว
ในช่วงท้องที่ทำการผ่าตัดก็พบม้ำในช่วงมาก ไม่ทราบสาเหตุเกิดจากอะไร
6 โมงเช้า ของวันที่ 8 ธันวาคม 46
หมอก็ให้ภรรยาโทรมาหาผมที่บ้าน รีบไปโรงพยาบาลด่วน
ขับรถจากบ้านไปโรงพยาบาล ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง
ในขณะนั้นภรรยาเขาวางใจตายแล้ว ไม่มีอะไรติดพันในใจแล้ว สงบนิ่งอยู่
ก็บังเกิดมโนภาพเหมือนจริง เห็นผู้หญิงนอนนิ่งอยู่แต่ผิวสีดำคร่ำ
และหลังจากนั้นผิวของผู้หญิงคนนั้นก็ร้าวแล้วค่อยแตกเป็นปุยผงจนหมดสิ้น
แล้วเกิดเป็นความรู้ขึ้นว่าเสมือนตนเองนั้นได้ตายแล้วเกิดใหม่
เมื่อผมไปถึง ภรรยาก็บอกผมว่า หมอตรวจพบน้ำในช่วงท้องมาก
แล้วจับมือผมแล้วพูดกับผมว่า ฝากดูแลแม่(แม่ภรรยา)ด้วย
ผมก็ยิ้มและหัวเราะ แล้วผมก็พูดว่า ยังไม่ตายหลอก
ยังมีชีวิตอยู่หลายปี และอยู่ในโรงพยาบาล
มีหมอถึงอย่างนี้โอกาสตายอยาก ภรรยาก็หน้าตาชื้นขึ้น
แล้วหมอก็เรียกผมไปเล่าอาการของภรรยา ว่ามีน้ำในช่วงท้องมาก
ไม่รู้ว่ามาจากไหน จำเป็นต้องทำการผ่าตัดใหม่อีกครั้ง
ผมจึงถามว่าลำไส้ทะลุหรือเปล่า หมอบอกว่าคงไม่น่าจะใช่
เพราะถ้าลำใส้ทะลุผู้ป่วยต้องมีไข้สูงมากกว่านี้
หมอต้องสอบสวนหาสาเหตุก่อน หลังจากนั้นผมก็กลับที่เตียงภรรยา
และผมคิดว่าหมอหลายๆ ฝ่ายหลายท่าน ต้องมานั่งปรึกษากัน
จึงตัดสิ้นใจทำการตรวจ ระบบทางเดินปัสสาวะ ตั้งแต่ไต
โดยฉีดสารเคมีและถ่ายเอ็กซเรย์
แล้วพบว่าทอระหว่างไตไปยังกระเพาะปัสสาวะฉีกขาด
น้ำจึงไหลไปยังช่วงท้อง
แล้วทำการเอ็กชเรย์ใหญ่อีกครั้งเพื่อหาตำแหน่งที่นอน
จึงจะทำการผ่าตัด กว่าจะได้ผ่าตัดก็เป็นเวลา 15.00-16.00 น.
แล้วผมก็ได้ทราบหมอว่า น้ำที่อยู่ในช่วงท้องเริ่มเป็นหนองขุ่นๆ แล้ว
วันรุ่งวันต่อมา
เมื่อรู้ว่าภรรยาฟื้นแล้วก็ใจผมชื่นไปเปราะหนึ่ง
และมีสายต่อจากร่างกายภรรยาเพิ่มขึ้น คือ สายน้ำเกลือ
สายยาเข้าทางน้ำเกลือ สายท่อปัสสาวะ
สายดูดน้ำและเลือดออกทางช่วงท้องที่เว้นช่องไว้นิดหนึ่งตรงแผลผ่าตัด
และการผ่าตัดครั้งหลังเป็นการเปิดแผลใหม่
ไม่ได้ฝ่าตัดช้ำตรงแผลเดิม
มันก็น่าเครียดอยู่เหมือนกัน
แต่ใจของผมและภรรยาก็ต้องการรู้ผลของชิ้นเนื้อมดลูกว่า
ยังมีมะเร็งอยู่ไหม? ต้องทำการฉายแสงต่อ หรือทำให้ยา
ทำคลีโมหรือเปล่า ? แล้วหมอบอกว่ามดลูกที่ผ่าออกมาแล้วนั้น
ไม่สามารถมองเห็นมะเร็งได้ด้วยตาเปล่า
จึงต้องทำการตรวจส่องกล้องอย่างระเอียดอีกครั้ง
ผลออกมาแล้ว ณ. วันนี้ 12/12/46
ไม่มีเนื้อมะเร็งอยู่เลยในมดลูก
เป็นอันว่าเทพเทวดาท่านก็บอกได้ถูกของท่าน
แต่เป็นเพราะกรรมตัดรอนของภรรยาจึงทำให้เฉียดตายอาจเนื่องมากจากการไม่สร้างสติและความรอบคอบให้สมบูรณ์ของผู้อื่น
ณ. ขณะนี้ภรรยาผมก็ยังอยู่โรงพยาบาล และที่น่ากลัวในช่วงนี้ คือ
โรคแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื่อเพราะมีหนองในช่วงท้อง ที่มีผลต่อ
ปอด ตับ หัวใจ ม้าม ฯลฯ เดียว 15.00 น
ผมก็จะต้องไปเยี่ยมภรรยาอีกแล้วครับ และอาจจะไม่ใช้เนตไปอีก
วันหรือสามวัน
สิ่งทั้งหลายไม่แน่นอน กรรมต่างๆ
ที่ทำไว้ทั้งหลายก็ย่อมส่งผลแต่จะกำหนดกดเกณฑ์ว่า
กรรมอันใดส่งก่อนกรรมอันใดส่งหลังนั้นหาได้เสมอไปไม่
เพราะมีกรรมตัดรอนได้ตลอดทุกเวลา เนื่องด้วยการขาดสติของตนเอง
หรือของผู้อื่น ดังนั้นท่านทั้งหลายจงหมั่นสร้างสติ
และบุญกุศลเทอด
|