เริ่มอธิษฐานในใจ
อรตีเทวราชราชา
เมื่อพระนางสุมิตตาราชกุมารี
สิ้นพระชนมายุ ก็ไปเกิดบนดุสิตเทวโลก เป็นเทพบุตร หลังจากนั้นก็เวียนเกิดเวียนตายอีกนานแสนนาน
เป็นเวลา ถึงหนึ่งแสนกัป ในกัปที่ หนึ่งแสนนั้นเป็น สารกัป
คือบังเกิดมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น หนึ่งพระองค์ ทรงพระนามว่า
พระพรหมเทวสัมมาสัมพุทธเจ้า และในขณะนั้นพระโพธิสัตว์ก็ได้เกิดเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร
และมีอำมาตย์นามว่า สิริคุตมหาอำมาตย์ เป็นอาจารย์บอกอรรถธรรม
ในกาลครั้งนั้น
พระพรหมเทวพุทธเจ้า ทรงเสด็จมายังพระนครของพระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดชาวประชามากมาย
พร้อมทั้งทรงฉัพพัณณรังษีหกประการซ่านออกจากพุทธสรีระ คลอบคลุมทั้งพระนาคร
รัศมีรุ่งเรื่องสว่างไสวน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ในขณะนั้น
พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร กำลังประทับนั่งอยู่บนราชบัลลังก์ บนมหาปราสาท มีสิริคุตมหาอำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่
ครั้นพระเจ้าอรดี ทอดพระเนตรเห็นพุทธรังษีปรากฏอย่างอัศจรรย์ ทรงตกพระทัยหวดเสียวเป็นที่สุดมีอาการแทบจะทรุดลง
ท่านสิริคุตมหาอำมาตย์ เมื่อเห็นพระเจ้าอรดีทรงสะดุ้งตกพระทัยดังนั้น จึงได้มองไปที่ช่องหน้าต่าง
ก็แลเห็นพระบรมศาสดา ทรงประกอบด้วย มหาปริสลักษณ์ พร้อมฉัพพรรณรังษีสว่างไสวไปทั่ว ก็ทราบได้ทันที่ว่าเป็นพระสมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า เพราะท่านเป็นศึกษามามาก
และท่านก็คือพระโพธิสัตว์ ที่จะได้ตรัสรู้ เป็นพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้า ซึ่งสร้างสมบารมีมายาวนานกว่า
พระเจ้าอรดีเทวราช และได้เคยประสบพระพุทธเจ้าในอดีดมาหลายร้อยชาติ เมื่อทราบด้วยใจชัดอย่างนั้น
ก็มีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบลนลานกราบทูลพระเจ้าอรดีเทวราชว่า " ข้าแต่มหาราช
มหาราชทรงอย่าได้หวาดพระทัย แสงพระรัศมีที่เห็นนั้นเป็นแสงแห่ง รัศมีของพระพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นมหาบุรุษเอกของโลก ทรงอุบัติเพื่อเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ รื้อสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากทุกข์
เป็นบรมศาสดาของหมู่เทพและมนุษย์ ทรงนำสรรพสัตว์ทั้งหลายบรรลุพระนิพพาน"
เมื่อพระอรดีเทวราช
ได้ทรงฟังดังนั้น ทรงมีจิตใจปีติยินดีมากนัก ปีติซาบซ่านไปทั่วพระสรีระ เสด็จเพื่อจะทอดพระเนตร
แต่เพราะปีติมีกำลังแรงกล้า ทำให้พระองค์มีพระพักต์มืดมนขณะหนึ่ง ล้มลงจากชานพระทวาร
ลงมาเบื้องล่างน่ากลัวจะสิ้นพระชนม์ แต่ด้วยพระราชศรัทธาอันแรงกล้า จึงบังเกิดอัศจรรย์มีดอกบัวเท่ากงเกวียน
ผุดขึ้นมารับประคับประคองพระองค์ไว้ ครั้นทรงได้สติทรงเลื่อนจากดอกบัว เสด็จไปด้วยพระบาทเปล่า เข้าไปหาเฉพาะพระพักตร์แห่งองค์สมเด็จพระพรหมเทวา สัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วถวายนมัสการกระทำสักการะบูชาด้วยศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่ทรงนิ่งงัน
อยู่เป็นเวลานาน
ภายหลังพระเจ้าอรดีเทวราช
ก็ทรงบำเพ็ญกุศลมากมาย ต่อพุทธองค์และพระสงฆ์สาวก แล้วบังเกิดความคิดปราถนาซึ่งพระพุทธภูมิ จึงทรงซบพระเศียรเกล้าลงกราบ ตั้งพระทัยปรารถนาพุทธภูมิว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้สัพพัญญู
พระองค์ยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ล่วงพ้นจากภพได้พ้นจากทุกข์ได้
ขอให้ข้าพระองค์ได้ตรัสรู้ดั่งเช่นพระพุทธองค์และสามารถเปลื้องสัตว์โลกทั้งหลาย
ให้ล่วงจากภพจากทุกข์ได้ดังเช่นพระพุทธองค์"
เป็นการอธิษฐานสร้างบารมีปารถนาในใจเป็นชาติแรกต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า
หลังจากนั้นพระอรดีเทวราชทรงหมั่นสร้างบุญกุศล สร้างบารมีอย่างมากมาย
จนสิ้นพระชนม์ชีพ เวียนเกิดตายอีกนานแสนนาน เมื่อได้ประสบพบพระพุทธเจ้า ก็ทรงตั้งความปารถนาพุทธภูมิในใจตลอด
7 อสงไขย ภายใน 7
อสงไขยพระโพธิสัตว์ได้เจอพระพุทธเจ้าดังนี้ (สรุปมาจาก หนังสือ สัมภารวิบาก ของท่าน นาคะปะทีป
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย)
นันทะอสงไขย 1 พบ พระพุทธเจ้า
5,000 พระองค์
สุนันทะอสงไขย 2 พบพระพุทธเจ้า
9,000 พระองค์
ปัฐวีอสงไขย
3 พบพระพุทธเจ้า
10,000 พระองค์
มัณทะอสงไขย 4 พบพระพุทธเจ้า
11,000 พระองค์
ธรณีอสงไขย
5 พบพระพุทธเจ้า
20,000 พระองค์
สาคระอสงไขย 6 พบพระพุทธเจ้า
30,000 พระองค์
ปุณทริกะอสงไขย 7 พบพระพุทธเจ้า
40,000 พระองค์
รวมใน 7
อสงไขย
ได้พบพระพุทธเจ้า
125,000 พระองค์
วิเคราะห์ จะเห็นว่าอสงไขยก่อนหน้า 7 อสงไขยนี้ มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นน้อยมาก ตามเนื้อเรื่องจากข้างบน
มีเพียง 1 พระองค์
คือพระปุราณทีปังกรพุทธเจ้า
อ่านหน้าต่อไป
กลับหน้าแรก