เรื่อง ธรรมะ เป็นเรื่องเข้าใจยาก
ถ้าศึกษาน้อย สะสมไว้เล็กน้อย
การพิจารณา ปัญหา ธรรมะต่างๆ
ก็อาจมีความสับสนได้
พระธรรมคำสั่งสอนที่พระพุทธองค์
ทรงเทศนาสั่งสอนไว้มีมาก
เหมาะกับบุคคลต่างๆตามขั้นของ สติปัญญา
พุทธศาสนิกชน ต้องศึกษาโดยละเอียดรอบคอบ
ความสามารถในการ เข้าใจ ของผู้ศึกษา
จึงมีหลายระดับ
ปุถุชน ไม่สามารถเข้าใจลึกซึ้งได้
(ไม่เข้าใจทั้ง อรรถและพยัญชนะ)
ปุถุชน จึงมีกิเลสหนาแน่น
ยากที่จะไถ่ถอน กิเลสออกได้
กิเลส ที่หนาแน่นนั้นได้แก่
ตัณหา ทิฏฐิ มานะ
ที่คุณ Vicha เป็นห่วงว่า
ไม่มีใครเกิดไม่มีใครตาย
จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ไม่ได้ศึกษาธรรม
หรือศึกษาธรรมแล้วแต่มีมิจฉาทิฏฐิ นั้น
เรื่องนี้ ผู้มีปัญญา จะต้องช่วยกันเผยแผ่
ช่วยกันอธิบาย ให้ ปุถุชนเหล่านั้น
ไถ่ถอน มิจฉาทิฏฐินั้น ด้วยความเมตตา
พระธรรมคำสอนที่จะอธิบายนั้นมีอยู่ในตำราแล้ว
ไม่ต้องแสวงหาใหม่ ไม่ต้องคิดขึ้นมาใหม่
ตัวอย่างของ ผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ในตำราก็มีให้ศึกษา
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ผู้ที่มี มิจฉาทิฏฐิ มีมาก
สังคมที่วุ่นวายสับสนก็เพราะ มิจฉาทิฏฐิ มีกำลังมากนี่เอง
การที่จะไถ่ถอน มิจฉาทิฏฐิ ได้นั้น
มีทางเดียว คือ การเจริญสติปัฏฐาน
ความเข้าใจ เรื่อง สมมติสัจจะ
ว่ายังมี ตัวเรา ตัวท่าน จริงๆนั้น
ก็เพราะ มีอวิชชาปกปิด สภาพธรรมไว้
และจิตนั้น(ผู้นั้น)ยังมีกิเลสหนาแน่น
ความคิดเห็น ของจิตนั้น(ผู้นั้น)
จึงประกอบด้วย ทิฏฐิ มานะ
และยึดถือ ตัวตนว่ายิ่งใหญ่
ไม่มีความเห็นว่า ธรรมะเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่
เรื่องมิจฉาทิฏฐินี้ เป็นเรื่องใหญ่
ผู้ที่มี สัมมาทิฏฐิ จะต้องอนุเคราะห์
ช่วยเหลือผู้ที่พอจะช่วยเหลือได้ตามกำลัง