ผมคิดว่าคุณวิชาคงผ่านอาการพวกนี้มาอย่างโชกโชน
และคงมีวิธีแก้ไขโดยส่วนตัวแล้วกระมัง
ที่ตั้งกระทู้นี้คงเป็นการเสวนาเพื่อให้เกิดความรู้โดย
กว้างขวางมากกว่า
อยากตั้งข้อสังเกตว่า อาการเผลอในรูปแบบต่างๆ ยกเว้นการเผลอสติจาก
การกำหนดรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า การเผลอนั้นๆเป็นอารมณ์กรรมฐาน
หรือเป็นที่ให้สติกำหนดรู้ได้ทั้งสิ้น เช่น
อาการคิด อาการฟุ้ง
ดังนั้นการเผลอสติหรือขาดการกำหนดรู้นี้เองที่น่าจะหมายถึง
การพลาดจาก
อารมณ์กรรมฐาน ตามคำถามของคุณวิชา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ควรต้องปรับปรุง
เพื่อความก้าวหน้าของการปฎิบัติ ผมเองมีประสพการณ์ไม่มากนัก
แต่ก็เคย
ทำมาหลายวิธีเช่น
๑. ใช้คำกำกับการกำหนดรู้(ไม่อยากใช้คำว่าบริกรรมเพราะไม่ตรงความหมาย)
อันนี้เป็นเทคนิคของครูบาอาจารย์
เช่นขณะเดิน กำหนด อาการก้าว
เริ่มจากขวาย่าง ซ้ายย่าง
เป็นจังหวะเดียว หรือยก เหยียบ, ยก เหยียบ,ฯลฯ
จะหนอหรือไม่แล้วแต่ความถนัด
ส่วนเวลานั่งกำหนด ก็ใช้คำกำกับ ว่า
พองหนอ ยุบหนอ หรือ เข้า
ออก เข้า ออก แล้วแต่ถนัด โดยเน้นความสำคัญ
ว่า ให้คำที่กำกับการกำหนด
กับอาการที่กำหนดทันเวลากันพอดี และต้องไม่
เอาใจจดจ่ออยู่ที่คำกำกับ
แต่ให้จดจ่อ อยู่ที่อาการที่กำหนดรู้
เทคนิคนี้เป็นอุบายทำให้จิตไม่มีเวลาเหลือให้กวัดแกว่งไปหาอารมณ์ที่เป็น
เหตุแห่งการทำให้ขาดสติ
๒. อีกวิธีที่เคยใช้นอกจากพองยุบ ที่ใช้ตอนปฏิบัติขั้นตอเนื่อง
คือใช้กับชีวิต
ประจำวันคือ การกำหนดลมหายใจเข้าออกที่กระทบปลายจมูก
โดยใช้การ
นับเลขในใจเป็นชุดๆ ดังนี้
รอบที่หนึ่ง
หายใจเข้านับ หายใจออกนับ
เข้า ๑
ออก ๑
เข้า ๒
ออก ๒
.
.
เข้า ๕
ออก ๕
รอบที่สอง
หายใจเข้านับ หายใจออกนับ
เข้า ๑
ออก ๑
เข้า ๒
ออก ๒
.
.
เข้า ๕
ออก ๕
เข้า ๖
ออก ๖
รอบที่สาม
หายใจเข้านับ หายใจออกนับ
เข้า ๑
ออก ๑
เข้า ๒
ออก ๒
.
.
เข้า ๕
ออก ๕
เข้า ๖
ออก ๖
เข้า ๗
ออก ๗
รอบที่สี่
หายใจเข้านับ หายใจออกนับ
เข้า ๑
ออก ๑
เข้า ๒
ออก ๒
.
.
เข้า ๕
ออก ๕
เข้า ๖
ออก ๖
เข้า ๗
ออก ๗
เข้า ๘
ออก ๘
รอบที่ห้า
หายใจเข้านับ หายใจออกนับ
เข้า ๑
ออก ๑
เข้า ๒
ออก ๒
.
.
เข้า ๕
ออก ๕
เข้า ๖
ออก ๖
เข้า ๗
ออก ๗
เข้า ๘
ออก ๘
เข้า ๙
ออก ๙
รอบที่หก
หายใจเข้านับ หายใจออกนับ
เข้า ๑
ออก ๑
เข้า ๒
ออก ๒
.
.
เข้า ๕
ออก ๕
เข้า ๖
ออก ๖
เข้า ๗
ออก ๗
เข้า ๘
ออก ๘
เข้า ๙
ออก ๙
เข้า ๑๐
ออก ๑๐
พอครบรอบที่หก ก็กลับไปรอบที่หนึ่งใหม่ไปเรื่อยๆ
ตามประสพการณ์ส่วนตัว วิธีการนี้ให้ สติและสมาธิดีมาก
และอีกอย่างคือมีข้อดีอย่างมากในการตรวจสอบอาการเผลอ
เพราะถ้าเผลอสติจะนับผิดทันที ท่านก็จะให้ตั้งต้นใหม่ตั้ง
แต่รอบที่หนึ่ง
ปฏิบัติแรกๆจะต้องเริ่มนับใหม่หลายรอบทีเดียวกว่าจะนับ
ได้ครบหกรอบจริงๆ
วิธีการนี้มีกล่าวอยู่ทั้งใน วิสุทธิมรรค และ พุทธธรรม
พอดีช่วงนี้เวลาน้อย ขอแสดงความเห็นเท่านี้ก่อน
มีเวลาแล้วจะเข้ามาคุยใหม่
เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ