ผมได้สนทนากับพระ เรื่องการสร้างบุญบารมี เห็นว่าท่านตอบได้ดีจึงเอามาให้อ่าน
>>> ข้าพเจ้าได้ถามพระคุณท่านว่า
"ในปัจจุบันหรืออนาคตเมื่อไม่รู้ตัวเองว่าสร้างบารมี
จะมีสิ่งใดเป็นตัวชี้แนะให้สร้างบารมีเพิ่มขึ้นมา "
พระคุณท่านตอบว่า
"ปัญญาเป็นตัวบอกให้รู้สิ่งใดควรหรือไม่ควร แล้วมีความศรัทธาในการสร้างคุณงามความดี
จึงกล่าวได้ว่า
ปัญญาและศรัทธา เป็นตัวนำในการสร้างบารมีของผู้สร้างบารมีทั้งหลาย"
ข้าพเจ้าถามพระคุณท่านต่ออีกว่า
"แล้วปัญญาและศรัทธาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร"
พระคุณท่านตอบว่า
"เพราะวาสนาของการสั่งสมปัญญาและศรัทธามาตลอด จึงทำให้บังเกิดปัญญาและศรัทธา
ในการสร้างความดีต่อและสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ"
ผม เอาความเข้าใจของตนเองเล็กๆ มาฝาก
>>>
เมื่อวานนี้มนุษย์แต่ละคนมีฐานะความสุขหรือความทุกข์ไม่เสมอกัน
ณ.วันนี้มนุษย์แต่ละคนมีฐานะความสุขหรือความทุกข์ก็ไม่เสมอกัน
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าพรุ่งนี้มนุษย์แต่ละคนมีฐานะความสุขหรือความทุกข์ไม่เสมอกัน
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการกระทำที่สะสมที่ส่งผลของมนุษย์ผู้นั้นเอง
>>>
ความรู้สึกในความสุขหรือความทุกข์ของเราเมื่อวานนั้นได้หายไป
แต่กรรมก็ได้ทำไปแล้ว
ความรู้สึกในความสุขหรือความทุกข์ของเราในวันนี้ก็สืบเนื่องมาจากเมื่อวาน
แล้วได้ทำกรรมใหม่
ความรู้สึกในความสุขหรือความทุกข์ของเราในวันพรุ่งนี้ก็เป็นผลของกรรมเก่าและกรรมใหม่
ทั้งหมดเป็นอยู่อย่างนี้มานานแสนนานแล้ว แต่จำได้เฉพาะปัจจุบัน และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกใน
อนาคตอีกนานแสนนาน ถ้าขาดปัญญา
>>> ความศรัทธาความเชื่ออันไม่ถูกต้อง
ย่อมนำมาซึ่งความสับสน เมื่อยึดมั่นมากก็จะกลายเป็นความหลง
เมื่อมีทิฐิไม่ย่อมปล่อยวางก็จะกลายเป็นความทุกข์ในที่สุด
>>> ความศรัทธาความเชื่อในสิ่งที่ถูกต้องเป็นจริง
ย่อมนำมาซึ่งสติปัญญา ย่อมคลายความยึดมั่นถือมั่น
ย่อมละวางเสียซึ่งทิฐิมานะ แม้ความสุขหรือความทุกข์ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อถึงที่สุดก็คือความสงบ
ของตนเอง และให้ความสงบสุขแก่ผู้ที่อยู่ใกล้
จึงต้องพิจารณาใคร่ครวญให้ดีเสียก่อนที่จะเชื่อ เป็นการดีที่สุด แม้แต่สิ่งที่เชื่ออยู่ก็ให้พิจารณา
ด้วยเหตุและผลว่าถูกต้องหรือไม่ ความเชื่อนั้นก็จะไม่ทำให้ต้องให้ผิดพลาดหรือทุกข์ในภายหลัง
ไม่รู้ว่าจะโดนใจ หรือโดนตำหนิจากผู้อ่านหรือเปล่า กลัวอยู่เหมือนกัน